VitaminB2-cover

วิตามิน บี2 คืออะไร

 

VitaminB2
วิตามิน บี2
 หรือ ไรโบฟลาวิน (Riboflavin) 

ในอดีตเรียกว่า วิตามิน G ช่วยให้ร่างกายได้พลังงานจากคาร์โบโฮเดรต ไขมัน และโปรตีนค่ะ ซึ่งจะช่วยในการเจริญเติบโต การสร้างผม เล็บ ผิวหนัง ช่วยให้ผิวมีสุขภาพดี ช่วยในการผลิตเม็ดเลือดแดง ซ่อมแซมเนื้อเยื่อ และลดความรุนแรงของไมเกรน หน้าที่วิตามิน บี2 มีส่วนร่วมในการเผาผลาญ คาร์โบไฮเดรต์ ไขมัน โปรตีน และในการใช้วิตามินอื่น นอกจากนี้ยังมีส่วนร่วมในการสร้างฮอร์โมนจากต่อมหมวกไต adrenal gland

ผู้ที่เสี่ยงต่อการขาดวิตามินได้แก่ ผู้ที่กินยาคุมกำเนิด ยาแก้ซึมเศร้า ยาแก้โรคจิต จะมีโอกาสขาดวิตามินตัวนี้ได้ง่าย อาการสำคัญที่พบได้คือ ปากนกกระจอก ปวดแสบในปาก

Vitamin-B2-info


แหล่งที่พบ

แหล่งที่พบวิตามิน บี2 ได้ในธรรมชาติ ได้แก่ ถั่ว ปลา ไข่ ผักใบเขียว ธัญพืช มะเขือเทศ เนื้อ ยีสต์ อัลมอนด์ ตับ

อันตรายจากการได้รับประทานเกินขนาด
วิตามิน บี2 เป็นวิตามินที่มีความปลอดภัยสูง ยังไม่มีรายงานพิษที่เกิดจากการบริโภควิตามิน บี2 เกินขนาด ถ้าบริโภควิตามิน บี2 มากเกินไป ตัววิตามินจะถูกขับออกทางปัสสาวะ และจะทำให้ปัสสาวะมีสีเหลืองเข้ม และมีกลิ่นที่เฉพาะตัว

อาการขาด
เมื่อร่างกายขาดวิตามิน บี2 กระบวนการสร้างและซ่อมแซมเซลล์ใหม่จะเกิดความบกพร่อง โดยเฉพาะเซลล์บริเวณเนื้อเยื่อที่มีการแบ่งตัวอย่างรวดเร็ว จะได้รับผลกระทบมากที่สุด เช่น เซลล์บริเวณผิวหนัง ช่องปาก ดวงตา และลิ้น
โดยอาการเมื่อร่างกายขาดวิตามินบี (ariboflavinosis) ได้แก่ อาการอักเสบของดวงตา ริมฝีปาก ช่องปาก และลิ้น ผิวหนังแตกเป็นขุย มีแผลที่มุมปากโดยลักษณะเด่นชัดที่สุด ของโรคขาดวิตามิน บี2 คือ แผลที่มุมปาก หรือที่เรียกว่า ปากนกกระจอก (Angular Cheilitis หรือ Angular Stomatitis)

 

ประโยชน์ของวิตามิน บี2

  1. ช่วยในกระบวนการสร้างการเจริญเติบโตและสืบพันธุ์
  2. บำรุงผิวพรรณ เล็บ และเส้นผม
  3. เพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็น ช่วยบรรเทาอาการอ่อนล้าของสายตา
  4. ช่วยลดความเจ็บปวดจากไมเกรน
  5. กำจัดอาการเจ็บแสบในปาก ริมฝีปาก และลิ้น
  6. ทำงานร่วมกับสารอื่น ๆ ในการเผาผลาญอาหารประเภทแป้ง ไขมัน และโปรตีน

คำแนะนำในการรับประทานวิตามิน บี2

  1. วิตามิน บี2 ในรูปแบบอาหารเสริม ขนาดที่ใช้โดยทั่วไปคือ 100 มิลลิกรัม จะทำงานได้ดีที่สุดเมื่ออยู่ในรูปแบบของวิตามินบีรวม โดยขนาดที่ใช้รับประทานโดยทั่วไปคือ 100-300 มิลลิกรัมต่อวัน
  2. ปริมาณที่แนะนำให้รับประทานต่อวันคือ 1.2-1.7 มิลลิกรัมสำหรับผู้ใหญ่, 1.6 มิลลิกรัมสำหรับหญิงตั้งครรภ์, 1.8 มิลลิกรัม สำหรับหญิงให้นมบุตรในหกเดือนแรก และ 1.7 มิลลิกรัมสำหรับหกเดือนหลัง
  3. ร่างกายจะต้องการวิตามินชนิดนี้เพิ่มมากขึ้นหากอยู่ในสภาวะเครียด
  4. สำหรับผู้ที่ตั้งครรภ์ ให้นมบุตร หรือรับประทานยาคุมกำเนิด ร่างกายคุณจะต้องการวิตามิน บี2 เพิ่มขึ้น
  5. สำหรับผู้ที่รับประทานเนื้อแดงหรือนมวัวเพียงเล็กน้อย คุณควรหาวิตามิน บี2 มารับประทานเพิ่ม
  6. เมื่ออยู่ในสภาวะเครียดทุกรูปแบบ วิตามินบีรวมเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคุณ
  7. วิตามิน บี2 จะทำงานร่วมกับ วิตามินซี วิตามิน บี3 และ วิตามิน บี6 ได้ดีที่สุด
  8. สำหรับผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ ร่างกายจะต้องการวิตามิน บี2 เพิ่มมากขึ้น เพราะแอลกอฮอล์ขัดขวางการดูดซึมของวิตามิน บี2
  9. วิตามินชนิดนี้ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังรับประทานยาต้านมะเร็ง เช่น เมโทเทรกเซต เพราะอาจไปลดประสิทธิภาพของยาต้านมะเร็ง
  10. สำหรับผู้ที่รับประทานยาปฏิชีวนะ ร่างกายคุณอาจจะไม่ได้รับวิตามิน บี2
  11. มีความเป็นไปได้สูงมากที่คนขาดวิตามิน บี2 อาจเป็นเพราะกำลังรักษาแผลหรือโรคเบาหวาน
  12. ผู้ป่วยที่รับประทานวิตามิน บี2 วันละ 400 มิลลิกรัม ติดต่อกันทุกวันเป็นเวลา 3-4 เดือน จะมีความถี่ ระยะเวลา และความรุนแรงของโรคไมเกรนลดลงถึงร้อยละ 50