แคเทชิน-สารต้านอนุมูลอิสระ

แคเทชิน-สารต้านอนุมูลอิสระ

แคเทชิน (Catechin)

ชาเขียว (Green Tea) เป็นชาที่ไม่ผ่านขั้นตอนการหมักเลย เพราะเมื่อเก็บใบชามาได้จะนำมาทำให้แห้งอย่างรวดเร็วในหม้อ ทองแดงโดยใช้ความร้อนไม่สูงเกินไปนักและใช้มือคลึงเบาๆ ก่อนแห้ง หรืออบไอน้ำ ในระยะเวลาสั้นๆ แล้วนำไปอบแห้งเพื่อยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ จึงได้ใบชาที่มีความสด และยังมีสีเขียวอยู่มาก การที่ใบชาไม่ผ่านขั้นตอนการหมักทำให้ใบชา ยังมีสารประกอบฟีนอลิก ( Phenolic compound ) หลงเหลืออยู่มากกว่า ชาดำกับชาอูหลง ทำให้ชาเขียวมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระมากกว่าชาชนิดอื่น

ชาเขียว ประกอบสารแคเทชิน 6 ชนิด คือ EGCG, EGC, ECG, EC, GC and C. ที่พบมากคือ EGCG สารแคเทชิน (Catechin) ซึ่งมีฤทธ์ต้านอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบ และเพิ่มสามารถในการจดจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง epigallocatechin-3-gallate (EGCG) ที่มีอยู่มากในตัวชาเขียว EGCG ซึ่งเป็นแคเทชิน ชนิดหนึ่ง มีฤทธิ์ในการลดความอ้วน ลดไตรกลีเซอไรด์ ลดคอเลสเตอรอล เพิ่มการใช้พลังงาน เพิ่มสันดาปไขมันในสัตว์ทดลอง ลดการดูดซึมไขมันในลำไส้ ลดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ไขมัน ลดการสะสมของไขมันหน้าท้อง

สรุปชาเขียวมีประโยชน์ต่อร่างกายในด้านต่างๆ ดังนี้

  • ช่วยในการขับสารพิษ และสารอนุมูลอิสระ จึงส่งผลในการป้องกันความเสี่ยงต่อภาวะมะเร็ง และโรคความเสื่อมของเซลล์และอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย
  • EGCG จากชาเขียวสกัด เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงประสิทธิภาพ มีคุณสมบัติ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยในการป้องกันการเกิดโรคท่อเลือดแดง และหลอดเลือดแดงแข็ง (Atherosclerosis) โดยเฉพาะโรคหลอดเลือดอุดตัน (Coronary Artery Disease) จากการวิจัยพบว่า ชาเขียวสามารถช่วยลดคอเรสเตอรอลรวม และเพิ่มปริมาณคลอเรสเตอรอลชนิดดี(HDL)
  • สารโพลีฟีนอล สามารถช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งได้ สามารถช่วยทำลายเซลล์มะเร็งและหยุดการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้ ทั้งนี้ ชาเขียวมี ผลลัพธ์ ทางการแพทย์ในเชิงบวกต่อการรักษามะเร็งประเภทต่อไปนี้ เช่น มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งทรวงอก มะเร็งรังไข่ มะเร็งปลายลำไส้ใหญ่หรือไส้ตรง มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งปอด มะเร็งตับอ่อน มะเร็งต่อมน้ำอสุจิ มะเร็งผิวหนัง มะเร็งกระเพาะอาหาร
  • ช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด สามารถช่วยป้องกันการเกิดโรคเบาหวานประเภท-I และชะลอการเกิดโรคเบาหวาน เมื่อโรคเบาหวานได้เริ่มต้นเกิดขึ้นแล้ว โดยจะทำการควบคุมระดับน้ำตาลกลูโคสในร่างกายให้อยู่ในภาวะสมดุล
  • ช่วยเพิ่มแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้ จึงสามารถช่วยล้างพิษและกำจัดพิษในลำไส้ของเราได้
  • ช่วยในการการป้องกันตับจากความเสียหายจากสารพิษต่างๆ เช่น แอลกอฮอลล์
  • สารสกัดชาเขียว ช่วยในการเผาผลาญไขมันที่สะสมในร่างกายให้เป็นพลังงาน
  • ช่วยทำให้ร่างกายของเรารู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า เนื่องจากมีผลในการกระตุ้นการทำงานระดับเซลล์

ดร.นิรัชรา เลาหประสิทธิ์ อาจารย์ประจำสาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้อธิบายว่า คาเทชิน เป็นสารประเภทโพลิฟินอล (Polyphenols) สามารถพบได้ในอาหารประเภทต่างๆ เช่น โกโก้ ไวน์ แอปเปิล แต่พบปริมาณสูงที่สุดในชาเขียว คาเทชินเป็นอาวุธสำคัญของธรรมชาติที่เข้าไปทำหน้าที่ป้องกันการเกิดอนุมูลอิสระ และช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งในร่างกาย คาเทชินที่มีอยู่ในชาเขียวสามารถพบได้ในหลายรูปแบบ แต่รูปแบบที่สำคัญ คือ EGCG (Epigallocatechin gallate) EGCG ซึ่งเป็นอาวุธที่เข้าไปช่วยป้องกันปฏิกิริยาออกซิเดชั่นอันเกิดจากเซลล์ในร่างกายทำปฏิกิริยากับออกซิเจนที่สามารถพบได้ในอากาศและปล่อยสารอนุมูลอิสระเมื่อไม่เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ร่างกายจึงไม่ผลิตสารอนุมูลอิสระ สารอนุมูลอิสระนี้เป็นสาเหตุของการเสื่อมเสียต่างๆ เป็นต้นเหตุของความเปลี่ยนแปลงของร่างกายตามอายุที่เพิ่มขึ้น และพบความเชื่อมโยงของสารอนุมูลอิสระที่จะสามารถส่งผลให้เกิดมะเร็งได้

catechin-antioxident
ปริมาณชาเขียวคุณควรดื่มต่อวัน

นิตยสาร Herbs for Health อ้างตัวอย่างรายงานจากญี่ปุ่นว่า คนที่ดื่มชาเขียว 10 แก้วต่อวัน จะปลอดโรคมะเร็งนานกว่าคนที่ดื่มชาเขียวน้อยกว่า 3 แก้วต่อวันถึง 3 ปี (มี Polyphenol ประมาณ 240-320 มก. ในชาเขียว 3 แก้ว) ขณะเดียวกัน การศึกษาของมหาวิทยาลัย Cleveland’s Western Reserve สรุปว่า การดื่มชาเขียว 4 แก้วหรือมากกว่านั้น จะช่วยป้องกันโรคปวดข้อ หรือลดอาการปวดในกรณีของคนที่ป่วยอยู่แล้ว นักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่นที่สถาบันวิจัยมะเร็ง Saitama พบว่า การเกิดโรคมะเร็งเต้านม หรือ การขยายตัวของโรคนั้น จะน้อยลงในผู้หญิง ที่มีประวัติดื่มชาเขียว 5 ถ้วย หรือมากกว่านั้นต่อ 1 วัน มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย มีการศึกษาเรื่องคุณสมบัติการป้องกันมะเร็งของชาเขียว พบว่าคุณสามารถได้รับ ปริมาณ Polyphenols ในปริมาณที่ต้องการได้โดยดื่มชาเขียวเพียง 2 ถ้วยต่อวัน อย่างไรก็ตาม การดื่มชาเพียง 4-5 ถ้วยต่อวัน ดูจะให้ประโยชน์สูงสุด และอาจจะดื่มได้มากกว่านั้น แต่ควรคำนึงถึงปริมาณคาเฟอีนที่คุณอาจได้รับเพิ่มขึ้นด้วย

ในด้วนความปลอดภัย สารสกัดจากชาเขียว ได้รับการรับรองความปลอดภัย จากสำนักงานอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (GRAS)

การบริโภคเครื่องดื่มชาเขียว ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ออกมาเตือนว่าควรพิจารณาเลือกบริโภคเฉพาะชนิดที่ไม่มีน้ำตาลผสม การชงชาด้วยตนเองนอกจากจะได้อรรถรสของการดื่มชาแล้ว ยังได้ประโยชน์ของสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีกว่า การดื่มชาเขียวที่จำหน่ายเป็นขวดแบบพร้อมดื่มมีสารสกัดจากชาเขียวน้อย แต่มีน้ำตาลเยอะซึ่งจะส่งผลเสียต่อสุขภาพ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

วิตามินไบเบิล, ดร.เอิร์น มินเดลล์

คู่มืออาหารเสริม, ดร.เริงฤทธิ์ สัปปพันธ์

ดื่มชาอย่างไรให้ได้ประโยชน์กับสุขภาพรศ.ดร.พิมลพรรณ พิทยานุกุล : คณะ เภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล