วิตามินเอบำรุงดวงตา

วิตามินเอช่วยบำรุงสายตา

วิตามิน เอ (Vitamin A) เป็นแหล่งอาหารที่มีความสำคัญและเป็นแหล่งอาหารชั้นยอดสำหรับดวงตาที่เหนื่อยล้า  จากการใช้งานมากที่สุด เพราะนอกจากจะเป็นสารอาหารสำคัญต่อการเจริญเติบโตของกระดูกและระบบสืบพันธุ์แล้ว อีกทั้งยังสามารถช่วยพื้นฟูพื้นผิวของดวงตา และเยื่อเมือกกรอบดวงตาได้เป็นอย่างดี ขึ้นอยู่กับแหล่งที่มาของ วิตามิน เอ โดยได้มีการทดสอบแล้วว่าแหล่งวิตามิน เอ ที่พบได้ทั้งจากเนื้อสัตว์และผัก ผลไม้ จะให้คุณค่าทางวิตามินที่ค่อนข้างแตกต่างกัน จึงนับเป็นวิตามินบำรุงสายตาชั้นเยี่ยม

สภาวะบกพร่องทางสารอาหารที่เกิดขึ้นภายในร่างกายล้วนไม่ใช่สัญญาณที่ดี  และหนึ่งในสาเหตุของการขาด วิตามิน เอ ส่วนใหญ่นั้นมาจากการขาดอาหาร คือผักและผลไม้ รวมถึงผู้ที่ขาด วิตามิน เอ โดยไม่ตั้งใจ จากโรคท้องร่วงเรื้อรัง โรคตับอ่อนอักเสบ และท่อน้ำดีอุดตันร่วมด้วย ดังนั้นเมื่อร่างกายไม่ได้รับการเติม วิตามิน เอ ตามที่ควรจะเป็น จึงส่งผลให้ร่างกายมีปฏิกริยา บ่งบอกถึงอาการที่ไม่ปกติออกมาภายนอก ดังนี้

  1. ตาบอดกลางคืน มองไม่เห็นในที่แสงน้อย โดย อาการตาบอดสีในเวลากลางคืน แม้ว่าโดยธรรมชาติของคนเราจะสามารถปรับสายตาให้เข้ากับความมืดได้ แต่ในกรณีนี้จะทำให้สายตาไม่คมชัดเท่าเดิม เรียกว่า ตาฟางก็ไม่ผิด
  2. ตาแห้ง หรือที่เรียกว่า เยื่อบุตาแห้ง อาจมีเมือกเหนียวในตาหรือบริเวณรอบดวงตา ระคายเคือง หรือในกรณีที่เยื่อบุตาแห้งอย่างรุนแรง จะส่งผลให้ตาขาวแห้งและมีรอยย่น ซึ่งแม้ว่าจะสามารถมองเห็นได้ตามปกติ และอาจจะสุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่ายกว่าปกติเช่นกัน
  3. ตาวุ้น พบได้หลังระยะตาแห้งไปแล้ว โดยจะมีอาการลักษณะตาขุ่น เหลว เนื่องจากดวงตาได้รับการติดเชื้อหรือติดเชื้อได้ง่ายและไวกว่าอาการตาแห้ง ควรเข้ารับการรักษาในทันที
  4. อาการทางผิวหนัง เนื่องจาก วิตามิน เอ มีส่วนสำคัญในการรักษาสภาพเยื่อบุผิวหนัง การขาด วิตามิน เอ จึงทำให้ผิวพรรณขาดความชุ่มชื้น และหยาบกร้านได้ โดยเฉพาะผิวหนังบริเวณข้อศอก ตาตุ่มและข้อต่อต่างๆ อาจนำไปสู่โรคทางผิวหนัง เช่น สิวและการติดเชื้อทางผิวหนังได้
  5. ภูมิต้านทานต่ำ การขาด วิตามิน เอ ทำให้เกิดโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจได้ง่าย และทำให้เกิดการอักเสบในโพรงจมูก ช่องปาก คอ และที่ต่อมน้ำลายได้ ทั้งยังส่งผลให้ติดเชื้อไวรัส ทำให้เป็นหวัดง่าย

และนี่เป็นความรุนแรงของภาวะขาด วิตามิน เอ อาจส่งผลกระทบให้ดวงตาบอดได้ แต่หากทราบวิธีดูแลรักษาแล้ว ควรถนอมและหมั่นบำรุงสายตาด้วยวิตามินชนิดต่างๆ โดยเฉพาะ วิตามิน เอ สุดยอดวิตามินบำรุงสายตา เพื่อที่จะได้ลดความเสื่อมของสายตาก่อนวัยอันควร อีกทั้งการลดพฤติกรรมสังงคมก้มหน้าหรือการติดหน้าจอ เช่น งดมองหน้าจอในที่มืด ลดความสว่างหน้าจอ ไม่จดจ่อกับหน้าจอนานเกิน 8 ชั่วโมง เพราะทางเลือกเดิม อย่างโทรทัศน์ หรือสื่อสิ่งพิมพ์ ก็ยังเป็นสิ่งที่เราสามารถเสพข้อมูลได้ หากใช้เทคโนโลยีอย่างถูกต้องและเหมาะสม จะช่วยส่งเสริมความสะดวกสบายและไม่ทำร้ายเราในระยะยาว