วิตามิน ซี คืออะไร

Vitamin-C-Cover

วิตามิน ซี(Vitamin C) หรือ กรดแอสคอร์บิก(Ascorbic Acid)

ความหมาย หน้าที่ และชนิดของวิตามิน ซี

  1. เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ และมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง
  2. สัตว์ส่วนใหญ่สามารถสังเคราะห์วิตามินซีเองได้แต่มนุษย์ต้องอาศัยวิตามิน ซี จากอาหารเสริมแทนเท่านั้น
  3. วิตามิน ซี มีบทบาทสำคัญในการสร้างคอลลาเจนเพื่อช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกาย
  4. วิตามินชนิดนี้มีหน่วยวัดเป็นมิลลิกรัม (มก. หรือ )
  5. วิตามิน ซี ช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้ดียิ่งขึ้น
  6. วิตามิน ซี จะถูกใช้หมดไปอย่างรวดเร็วเมื่อคุณตกอยู่ในสภาวะเครียด

แหล่งที่พบวิตามิน ซี
แหล่งที่พบวิตามินซีได้ในธรรมชาติ ได้แก่ผลไม้รสเปรี้ยว ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ผักใบเขียว แคนตาลูป มันฝรั่ง มะเขือเทศ ดอกกะหล่ำ พริกไทยเป็นต้น

อาการขาดวิตามิน ซี
การขาดวิตามินซีอาจทำให้เกิดโรคเลือดออกตามไรฟันได้

ปริมาณที่ร่างกายในแต่ละวัน
ขนาดที่แนะนำให้รับประทานต่อวันอยู่ที่ 60 mg. และสำหรับหญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรที่ประมาณ 70-96 mg.

อันตรายจากการขาดวิตามิน ซี

  1. หากรับประทานมากเกินไปอาจทำให้เกิดนิ่ว บางครั้งการรับประทานในปริมาณที่สูงหรือมากกว่า 10,000 mg. ขึ้นไปอาจก่อให้เกิดผลเสีย เช่น อาการท้องร่วง ปัสสาวะบ่อย มีผื่นผิวหนังซึ่งหากมีอาการดังกล่าวคุณควรรับประทาน
  2. ปริมาณที่น้อยลง คนไข้โรคมะเร็งที่กำลังฉายรังสีหรือเคมีบำบัด ไม่ควรรับประทานวิตามิน ซี เพราะผลตรวจอาจแปรปรวนได้
  3. ศัตรูของวิตามิน ซี ได้แก่แสง ออกซิเจน น้ำ ความร้อน การสูบบุหรี่ การปรุงอาหาร
  4. ผู้ที่สูบบุหรี่และผู้สูงอายุ ควรได้รับวิตามิน ซีเพิ่มมากขึ้น
  5. ร่างกายจะสูญเสียวิตามิน ซี 25 – 100 mg. ต่อการสูบบุหรี่หนึ่งมวน
  6. ช่วยป้องกันการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันของคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL)

ประโยชน์ของวิตามิน ซี

  1. ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความแก่ และลดการเกิดริ้วรอยแห่งวัย
  2. การรับประทานเป็นประจำจะช่วยให้ผิวใส เนียน นุ่มลื่นอย่างเป็นธรรมชาติ
  3. ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแข็งแรงและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
  4. ช่วยในการรักษาและป้องกันโรคหวัด
  5. ช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน
  6. ช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟันประโยชน์วิตามิน ซี ช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันการเกิดโรคมะเร็งได้หลายชนิด
  7. ช่วยต่อต้านการสร้างสารไนโตรซามีน (สารก่อมะเร็ง)
  8. ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด
  9. ประโยชน์ของวิตามิน ซี ช่วยลดความดันเลือด
  10. ช่วยลดการเกิดเส้นเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ
  11. ช่วยต่อชีวิตให้เซลล์โดยช่วยให้โปรตีนในเซลล์เกาะเกี่ยวกันได้ดีขึ้น
  12. ช่วยเพิ่มการดูดซึมของธาตุเหล็ก
  13. เป็นยาระบายตามธรรมชาติ
  14. เพิ่มประสิทธิภาพของยาที่ใช้ในการรักษาโรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
  15. ช่วยลดอาการที่เป็นผลมาจากสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้
  16. ช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรียหลายชนิด
  17. ช่วยเร่งให้แผลหลังผ่าตัดหายเร็วยิ่งขึ้น
  18. ช่วยในการรักษาแผลสด แผลไหม้ให้หายเร็วยิ่งขึ้น

คำแนะนำในการรับประทานวิตามิน ซี

  1. วิตามิน ซี จะถูกขับออกจากร่างกายภายใน 2-3 ชั่วโมงหลังจากรับประทานทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณอาหารในกระเพาะ และการรักษาระดับของวิตามิน ซี ในเลือดให้สูงอยู่ตลอดเวลาถือเป็นสิ่งที่สำคัญต่อสุขภาพ จึงขอแนะนำว่าให้รับประทานพร้อมอาหารมื้อเช้าและเย็น
  2. วิตามิน ซี ในปริมาณสูงอาจกระทบถึงผลการตรวจเลือดรวมทั้งผลการตรวจมะเร็งปากมดลูกได้ ดังนั้นหากคุณกำลังไปตรวจอย่าลืมแจ้งแพทย์ว่าคุณกำลังรับประทานวิตามินซีอยู่ เพราะการวินิจฉัยอาจเกิดการผิดพลาดได้
  3. ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานควรทราบว่า ค่าที่ได้จากการตรวจหาน้ำตาลในปัสสาวะอาจไม่ถูกต้อง หากคุณรับประทานวิตามิน ซี ปริมาณสูง
  4. ยารักษาโรคเบาหวาน อาจมีประสิทธิภาพด้อยลงหากรับประทานร่วมกับ วิตามิน ซี
  5. สำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิด 2 หรือผู้ที่มีความดันโลหิตสูง สามารถลดความดันได้เพียงแค่รับประทานวิตามิน ซี วันละ 500 mg.
  6. สำหรับผู้ที่มีโรคทางพันธุกรรมที่ส่งผลให้มีเหล็กสะสมในร่างกายมาก เช่น ธาลัสซีเมียหรือฮีโมโครมาโตซิส ไม่แนะนำให้รับประทานวิตามิน ซีในปริมาณที่สูง หากรับประทานวิตามิน ซี เกินกว่า 750 mg. ต่อวัน ควรรับประทานแมกนีเซียมเสริมด้วย เพราะช่วยป้องกันการเกิดนิ่วในไตได้
  7. ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์จะทำลายวิตามิน ซี เพราะฉะนั้นผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองควรรับประทานวิตามินซีเพิ่มมากขึ้น
  8. สำหรับผู้ที่รับประทานยาคุมกำเนิด ควรรับประทานวิตามิน ซี เพิ่มขึ้น
  9. เพื่อให้วิตามิน ซี ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ควรให้มันได้ทำงานร่วมกันกับไบโอฟลาโวนอยด์ แคลเซียม แมกนีเซียม
  10. หากคุณรับประทานยาแอสไพริน ควรรับประทานวิตามิน ซี เพิ่มมากขึ้น เพราะแอสไพรินทำให้วิตามินซีถูกขับเร็วขึ้นถึงสามเท่า
  11. หากคุณรับประทานโสม ควรเว้นระยะเวลา 2 ชั่วโมงก่อนหรือหลังรับประทานวิตามิน ซี
  12. เพื่อบรรเทาอาการหวัด ควรรับประทานวิตามิน ซี 1,000 mg. วันละสองเวลาพบว่าจะช่วยลดระดับฮิสตามีนในเลือดลงถึงร้อยละ 40 (ฮิสตามีนเป็นสารที่ทำให้เกิดอาการน้ำมูกน้ำตาไหล)